วัดพระธรรมกายฟอกใจ ไม่ได้ฟอกเงิน..และ“กฎหมายฟอกเงินเป็นดาบสองคมในเกือบทุกเรื่อง!!!”



ในแต่ละวันเมื่อเจอใครก็ตาม ให้มองหาความดีของเขาให้ได้
 ถ้าเรามองคนอื่นมีความดี แสดงว่าใจเราใสสะอาดเพียงพอ 
ใจจะซึมซับแต่สิ่งที่ดีๆถ้ามองอะไรไม่ดีต้องมาฟอกใจใหม่ 
การปฏิบัติธรรมคือ ...การฟอกใจ ขยันฟอกใจตัวเอง เราจะได้สิ่งที่ดีๆมาใส่ตัว” 

ครูบาอาจารย์วัดพระธรรมกายสอนลูกศิษย์ให้ฟอกใจ ไม่ใช่ฟอกเงิน



วัดพระธรรมกาย เป็นวัดในพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ฟอกใจ คือทำให้ใจสะอาด ของประชาชนทุกเพศทุกวัยจากทุกระดับสังคม โดยปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลูกศิษย์วัดได้รับการพร่ำสอนให้ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อให้จิตใจมีความสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป ..เมื่อคนใจสะอาด สังคมก็สงบสุข

ทำไมจึงเกิดประโยควัดพระธรรมกายฟอกเงิน ขึ้นมาตามหน้าสื่อ
ทั้งที่ข้อกล่าวหาต่างๆก็วนอยู่ในเขาวงกต ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้?

แต่มีเรื่องน่าคิดคือ กูรูกฎหมายของประเทศอย่างคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ เคยวิเคราะห์และให้ความเห็นว่า
กฎหมายฟอกเงินเป็นดาบสองคมในเกือบทุกเรื่อง!!!” 
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ถ้ามองในแง่ของการกำราบปราบปรามการกระทำความผิดสำคัญ ๆ กฎหมายนี้ก็เป็นประโยชน์ และเป็นเครื่องมือในการติดตาม มิให้ผู้กระทำความผิดลอยนวล หรือเสวยสุขจากทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้ แต่การกระทำให้เกิดผลดังกล่าวได้ ก็ต้องให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไว้ตามสมควร

การที่ต้องให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ไว้ตามสมควรดังกล่าว ย่อมเป็นอีกคมดาบหนึ่ง ที่อาจหันกลับมาเชือดเฉือนประชาชนผู้สุจริต หรือถูกใช้หรือถูกมองว่าใช้ไปในทางการเมืองได้ และเมื่อเกิดกรณีเช่นนั้นขึ้น ความเดือดร้อนย่อมเกิดขึ้นได้ทุกหย่อมหญ้า เพราะใครก็ตามที่ถูกสงสัยเข้า ย่อมเดือดร้อน และถ้าเรื่องเดินไปถึงขั้นมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สิน และส่งฟ้องต่อศาลให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ก็กลับต้องมีหน้าที่พิสูจน์ความสุจริตของตน ซึ่งตรงกันข้ามกับหลักในการดำเนินคดีอาญาทั่ว ๆ ไป ที่ฝ่ายกล่าวหาจะต้องเป็นผู้พิสูจน์ให้ได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด.....

จริงอยู่ ในกฎหมายได้กำหนดมาตรการบรรเทาความเสียหายไว้ ด้วยการให้ทุกอย่างปกปิดเป็นความลับ ใครจะนำไปเปิดเผยไม่ได้โดยเด็ดขาด แต่มาตรการนี้ก็เป็นดาบสองคมอีกเช่นกัน เพราะเพียงแต่สื่อมวลชนนำรายชื่อของผู้ถูกสอบมาเปิดเผยอย่างที่ทำกันอยู่ ก็อาจกลายเป็นความผิดตามมาตรา ๖๖ อันมีโทษจำคุกถึง ๕ ปี แล้ว มาตรการในการบรรเทาผลร้ายดังกล่าว จึงอาจกลายเป็นการปิดมิให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนมีช่องทางในการที่จะเรียกร้องหาความเป็นธรรมได้

การที่บ้านอื่นเมืองอื่นเขาสามารถมีกฎหมายทำนองนี้ได้ ก็เพราะระบบราชการ และระเบียบวินัยของผู้คนของเขา มีความมั่นคงเพียงพอ การกลั่นแกล้งกันหรือใช้อำนาจเกินเลยจึงเกิดได้ยาก แต่ในบ้านเรา ยังอยู่ห่างไกลนัก
กฎหมายนี้จึงเป็น ดาบสองคม ในเกือบทุกเรื่อง” 



 ปล. ในเว็บไซต์ http://www.meechaithailand.com/ver1/?module=3&action=view&type=9&mcid=30 ได้บอกเล่าเรื่องการฟอกเงินในภาษาง่าย ๆ เพื่อให้คนทั่วไป (ที่ไม่ใช่นักกฎหมาย) พออ่านเข้าใจ และได้ใจความตามสมควร ก็ศึกษาดูได้








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัมพชาดก: มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์

คนที่ชอบด่าว่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

ใจสบายไปทั่วโลก กับบทแผ่เมตตาภาษาอังกฤษ