คนใจร้าย ชอบป้ายความผิด โอกาสรอดจากอบายภูมิคงยาก เพราะใจร้ายๆย่อมเหมาะกับที่ร้ายๆ

ความเข้าใจผิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของชาวสังคมออนไลน์ หลายครั้งเกิดจาก การป้ายความผิด จากผู้ไม่หวังดีหรือสื่อที่ไร้คุณธรรม การป้ายความผิดให้ผู้อื่นเป็นบาป ยิ่งทางโลกโซเชียลนั้นคนแชร์มาก ก็คูณความบาปเข้าไป



โกหก...
ตั้งต้นด้วยการรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร  
แล้วใช้กำลังใจบิดเบือนความจริงนั้น 
พูด เขียน หรือใช้วิธีใดๆ โน้มน้าวให้ผู้อื่นรับรู้ความจริงผิดไป 
อาจเพี้ยนมาก อาจเพี้ยนน้อย 
ยิ่งความจริงถูกบิดเบือนให้เพี้ยนมากเท่าใด
จิตวิญญาณของผู้บิดเบือนยิ่งเพี้ยนมากเท่านั้น
พูดง่ายๆ ยิ่งโกหกบ่อย
เท่ากับยิ่งออกแรงดัดจิตให้ผิดรูป
ดัดเอง เพี้ยนเอง

อย่างไรก็ตาม
การโกหกด้วยความตั้งใจให้เกิดอะไรกับใคร
เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริงว่า
จะไปเจอจุดหมายปลายทางร้ายดีขนาดไหน
การโกหกมีทั้ง 
การโกหกเพื่อช่วยผู้อื่น 
โกหกเพื่อเอาหน้ารอด 
โกหกเพื่อผลประโยชน์
 โกหกเพื่อป้ายความผิด 
ซึ่งบาปจะแรงตามความร้ายของใจ

แน่นอนว่า คนที่ใจร้ายที่สุด คือคนที่โกหกเพื่อป้ายความผิด
โกหกเพื่อป้ายความผิด
คือ ตนเองรักตัวกลัวผิด
เลยโยนขี้ให้คนอื่นรับผิดไปแทน
อันนี้ประกันความใจร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะถ้าไม่เหี้ยมพอก็ทำไม่ได้
ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองผิด
และต้องรู้อยู่เต็มอกว่า
โยนบาปแล้วคนอื่นเดือดร้อนแน่
การโกหกประเภทนี้เอง
ที่ควรแก่การกล่าวว่า
เป็นต้นตอ ต่อยอดบาปได้ทุกชนิดไม่อั้น
เมื่อกรรมในการโกหกเผล็ดผล
โอกาสรอดจากอบายภูมิคงยาก
เพราะใจร้ายๆ ย่อมเหมาะกับที่ร้ายๆ
หากเป็นสัตว์ ก็ต้องเป็นพวกแพะรับบาป
มีชีวิตไว้ถูกบูชายัญ โดยไม่ได้ทำผิดอะไรเลย


ธรรมชาติออกแบบสมองมนุษย์มาแบบหนึ่ง
ที่ทำให้พวกเราไม่นึกอยากโกหก
คือ เมื่อจะโกหก สมองต้องทำงานหนัก
หนึ่ง คือกดสมองส่วนที่รู้ความจริงไว้
สอง คือเปิดสมองส่วนที่ฝืนสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมา
สาม คือเค้นคำหรือภาษากายให้คนอื่นเชื่อ

การโกหกแต่ละครั้ง
จึงเหนื่อยกว่าพูดเรื่องจริงสองเท่าสามเท่า
และทำให้รู้สึกผิด รู้สึกแย่กับตัวเองได้ง่าย
และนี่เอง คือเหตุผลว่าทำไมคนดี
แม้เมื่อต้องโกหกเพื่อช่วยผู้อื่นแค่ครั้งเดียว
ก็รู้สึกไม่ดี ไม่นึกอยากทำอีกเลย

แต่หากโกหกจนชิน จนชำนาญ
สมองเพื่อโกหกจะทำงานเบาลง
รู้สึกว่าพูดได้ไหลรื่นขึ้น
จึงรู้สึกผิดน้อยลง หรือไม่รู้สึกผิดเลย
และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคนชั่ว
แม้เมื่อโกหกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
หรือโกหกเพื่อป้ายความผิดให้ใครต่อใคร
จึงรู้สึกเฉยๆ แถมนึกสนุกอยากทำอีก

ก็สมองขั้วนรกนั้น
เมื่อเปิดใช้งานเต็มที่แล้ว
จะไม่อยากหยุดง่ายๆหรอก!





ที่มา: http://dungtrin.com/blog/files/how-big-is-the-sin-of-framing-up.html



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัมพชาดก: มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์

คนที่ชอบด่าว่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

ใจสบายไปทั่วโลก กับบทแผ่เมตตาภาษาอังกฤษ