peace

บิล เกตส์ชอบอ่านหนังสือมาก ในวัยเด็กพ่อกับแม่เขาถึงกับห้ามนำหนังสือมาที่โต๊ะอาหาร เพราะเขาจะอ่านหนังสือไป กินข้าวไป เขาอ่านหนังสือเยอะมาตั้งแต่เด็ก  ปัจจุบันนี้ยังอ่านหนังสือเฉลี่ยสัปดาห์ละ1เล่ม   หนังสือเกี่ยวกับการทำสมาธิเขาก็อ่านไม่น้อย  แม้จะมีคนดังของโลกที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่างๆ ต่างออกมาบอกเล่าว่า สมาธิช่วยให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นจริงๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ทำให้บิล เกตส์ สนใจเรื่องการทำสมาธิเลย เขาคิดว่าการทำสมาธิเป็นเรื่องเสียเวลา  เป็นเรื่องงมงาย ที่ไม่รู้อะไรยังไงแล้วเกี่ยวกับเรื่องการกลับชาติมาเกิด I thought of meditation as a woo-woo thing tied somehow to reincarnation, and I didn’t buy into it. ซึ่งบิล เกตส์บอกว่า ไอเดียนี้เขาไม่ซื้อ คือเขาไม่เชื่อจริงๆ นั่นเป็นความคิดในอดีตของเขา ปัจจุบันความคิดเกี่ยวกับการฝึกสมาธิของบิล เกตส์ เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้อ่านหนังสือชื่อ “ คู่มือเฮดสเปซเพื่อการฝึกสมาธิและการสร้างสติ ( The Headspace Guide to Meditation and Mindfulness)” ของแอนดี้ พุดดิคอมบ์   ซึ่งบิล เกตส์บอกว่า เข้

เมื่อนึกถึงวัด ผู้คนอยากพบกับบรรยากาศที่สะอาด สว่าง สงบ สร้างความสบายใจ และวัด ที่มีชื่อเสียงในเขตคันไซของญี่ปุ่น ก็สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้เป็นภาพและวีดีโอจรรโลงใจและให้ความรู้ ผ่านอินสตาแกรม  และยูทูป มีผู้ติดตามจากทั่วโลกหลักแสนพร้อมคอมเมนท์ที่สื่อถึงความสบายใจเช่น   “soothing just looking at them.” ( แค่มองดูภาพก็รู้สึกสงบสบายใจ )  หรือ   “too beautiful to be true ”   ( สวยเหลือเชื่อ ) วัด เหล่านี้กำลังนำเสนอเสน่ห์ของวัดแบบเชิงรุกและเพิ่มข้อมูลของวัดผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยการโพสต์ภาพและวีดีโอที่จรรโลงใจอย่างมีศิลปะ เช่น ภาพดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ   ใบไม้ที่มีสีสันในฤดูใบไม้ร่วง ฟุตเทจภาพหรือคลิปเบื้องหลังพิธีกรรมพุทธฯ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งเล่าว่า ทางวัดเริ่มใช้เฟสบุ๊คเมื่อ3ปีที่แล้ว และเริ่มใช้อินสตาแกรมเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยผู้นำอินสตาแกรมมาใช้เป็นพระรุ่นใหม่ เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติและวัยรุ่น เป็นวิธีในการเผยแผ่ศาสนาในโลกปัจจุบันแทนที่จะให้คนเดินเข้ามาหาวัดอย่างเดียว มีสมาคมชื่อ Saikoku Sanjusan-sho Fudashokai ได้โปรโมทสถานที่อัน

💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧 ดร. ไรอัน แอนนิงซั่น  จบปริญญาเอกด้าน ความหลากหลายทางศาสนา ได้เขียนบทความเรื่อง “ Before Americans turned to Buddhism for life hacks, they treated it like a dangerous cult” ซึ่งอิงกับดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกของเขา ปัจจุบัน  ดร.ไรอัน เป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก ( post-doc) ของ มหาวิทยาลัยวิลฟริด ลอเรีย ประเทศแคนาดา บทความนี้น่าสนใจ เพราะให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเผยแผ่พุทธศาสนาในอเมริกาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันและมีข้อคิดดีๆ  โดยมีใจความสำคัญดังนี้...... เมื่อ116 ปีที่แล้ว ในเดือนมกราคมปีค.ศ. 1902 มีสาธุคุณชาวอเมริกันท่านหนึ่ง เตือนพลเมืองอเมริกันเกี่ยวกับศาสนาหนึ่งว่า “ ไม่ว่าทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ ศาสนานี้ดูถูกดูแคลนสตรีเพศ ปฏิบัติทารุณโหดร้ายต่อสัตว์ มีความร้ายกาจ ไม่ละอายต่อการปฏิบัติที่เลวร้ายจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ” เป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวยิ่งไปอีก เมื่อความเชื่อนี้แบบนี้กำลังรุกล้ำสหรัฐอเมริกาผ่านการอพยพของประชากรและการเปลี่ยนศาสนาของพลเมืองอเมริกัน ในทำนองเดียวกัน หนังสือพิมพ์อเมริกันในช่วงยุคก้าวหน้า (Progress

พระโชเคอิ มัตสึโมโตะ เป็นพระชาวญี่ปุ่นที่เขียนหนังสือขายดีระดับเบสท์เซลเลอร์ในญี่ปุ่นขณะนี้ ซึ่งแปลและตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษชื่อ   A Monk’s Guide to a Clean House and Mind และ เว็บไซต์เดอะการ์เดียน อังกฤษ ได้นำเสนอแนวคิดเรื่อง การทำความสะอาดเพื่อยกระดับจิตวิญญาณ  อย่างน่าสนใจว่า..... การทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูเป็นกิจวัตร มีคุณค่าต่อจิตวิญญาณของเรา ซึ่งทุกคนได้ประโยชน์จากการลงมือทำความสะอาดแน่นอนโดยไม่ต้องเป็นคนเคร่งศาสนา ( จิตวิญญาณ หมายถึงมิติที่สูงส่งของจิต คือ การมีจิตใจสูง เป็นความดี บุญกุศล คุณค่า หรือจิตที่เจริญ ) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตมักแนะนำให้ลูกค้าทำความสะอาดสภาพแวดล้อมที่บ้านทุกวัน เพราะสิ่งสกปรกและความสกปรกอาจเป็นอาการของความทุกข์หรือความเจ็บป่วย โดย ความสะอาดไม่ได้เกี่ยวกับสุขภาพจิตเท่านั้น แต่เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นพื้นฐานในพระพุทธศาสนาทุกแบบของญี่ปุ่น ว่ากันว่าสำหรับพระพุทธศาสนาแบบญี่ปุ่นนั้นสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อเข้าถึงและยกระดับจิตวิญญาณของคุณคือ ทำสะอาด ทำความสะอาด และทำความสะอาด เพราะ การทำความสะอาดนั้นมีอานุภาพมาก