วิบากกรรม ยายแฉ่งโกงที่ดินสงฆ์
ความโลภ ความโกรธ และความหลง เป็นที่ได้ยินจากพระสงฆ์เทศนามาแล้วอย่างซ้ำๆ ซากๆ ถึงจะพูดจะเทศน์อย่างไร ก็ยังมีคนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย ดูผิวเผินแล้วสิ่งที่กล่าวมานี้ฟังจนเซ็งแล้ว
แต่ความจริงนี้กิเลสหนาทึบลองได้อาศัยอยู่กับผู้ใดมันโหดพอที่จะฆ่าผู้นั้นเอง
มีที่ดินแห่งหนึ่งอยู่ด้านหลังของวัดกลาง ซึ่งรกเสียจนไม่มีผู้ใดแม้แต่พระในวัดจะสนใจ ติดกับที่ของยายแฉ่ง ซึ่งแกปลูกต้นไผ่เป็นอาณาเขตไว้
บ้านของยายแฉ่งติดอยู่กับวัดกลาง แต่ยายแฉ่งไม่เคยอย่างกรายเข้าไปทำบุญในวัดกลาง ถึงหน้าเทศกาลทำบุญยายแฉ่งกลับไปทำบุญที่วัดเหนือบ้าง วัดใต้บ้าง
มีคนเคยถามถึงสาเหตุอันใดถึงหมางเมินกับวัดกลางชนิดไม่มีเยื่อใยกัน ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “ไม่ชอบขี้หน้าสมภาร”
มีคนเคยถามถึงสาเหตุอันใดถึงหมางเมินกับวัดกลางชนิดไม่มีเยื่อใยกัน ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “ไม่ชอบขี้หน้าสมภาร”
อีกหลายปีต่อมาท่านสมภารและชาวบ้านมีความคิดร่วมกันที่จะสร้างโรงเรียนเพื่อเด็กๆ จะได้อาศัยเป็นสถานที่เรียน จำนวนเด็กเพิ่มมากขึ้นทุกปีจนศาลาการเปรียญซึ่งใช้เป็นที่เรียนคับแคบไม่พอจำนวนนักเรียน
เมื่อตัดสินใจจะสร้างขึ้น โดยมีศรัทธารับช่วยบริจาคค่าก่อสร้าง ส่วนสถานที่ตกลงเอาที่ดินหลังวัดซึ่งติดเขตบ้านยายแฉ่งเหมาะสม เพราะห่างกุฏิและกว้างขวางควรจะสร้างตรงนั้น จึงได้จัดการถากถางที่ซึ่งรกรุงรัง เพื่อเตรียมการต่อไป
เมื่อถางที่ไปจนถึงแนวกอไผ่ ซึ่งยายแฉ่งปลูกไว้เป็นรั้วเขตบ้าน ท่านสมภารและคณะกรรมการ ตลอดจนคนเฒ่าคนแก่ในภาคนั้นจึงได้รู้ได้เห็นว่า ยายแฉ่งได้ขยายที่ดินรุกล้ำที่วัดเข้ามามาก เพราะกอไผ่ที่ปลูกขวางไว้เป็นแนวยาวนั้นมากมายหลายวาทีเดียว
แต่ยายแฉ่งกลับด่าสาดเสียเทเสียกับคณะกรรมการวัด หาว่าโกงที่ดินซึ่งๆ หน้า ยายแฉ่งท้าให้เอาหลักฐานมายืนยัน ดังนั้น เมื่อให้เอาหลักฐานมายันกัน ทางวัดจึงพ่ายแพ้ยายแฉ่งอย่างราบคาบ
สุดท้ายท่านสมภารจึงให้ปักเขตตามที่ยายแฉ่งยืนยันว่าเป็นของแก โดยทำรั้วแสดงที่วัดต่อหน้าสงฆ์และคณะกรรมการวัด เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จแล้ว กอไผ่ยายแฉ่งก็ไม่มีโอกาสแทงหน่อรุกล้ำที่ของวัดออกมาอีก ไม่เปิดโอกาสให้ยายแฉ่งโกงที่วัดอีกต่อไป
สุดท้ายท่านสมภารจึงให้ปักเขตตามที่ยายแฉ่งยืนยันว่าเป็นของแก โดยทำรั้วแสดงที่วัดต่อหน้าสงฆ์และคณะกรรมการวัด เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จแล้ว กอไผ่ยายแฉ่งก็ไม่มีโอกาสแทงหน่อรุกล้ำที่ของวัดออกมาอีก ไม่เปิดโอกาสให้ยายแฉ่งโกงที่วัดอีกต่อไป
อันกรรมทันตาไม่แน่ว่าจะเป็นบาปบุญที่ยายแฉ่งได้กระทำโดยเจตนาอย่างรุนแรง สนองผลให้เห็นปัจจุบันทันด่วน ยายแฉ่งเกิดล้มเจ็บลง ประสบทุกข์เวทนาอย่างประหลาดผิดธรรมชาติ เพราะนอนบนที่นอนไม่ได้ ต้องนอนพิงเสาพิงลูกอยู่ทั้งวัน ร้องโอดโอยว่าที่นอนมีหนามทิ่มตำแก ครวญครางน่าสมเพช
แกก็ว่าหนามแทงเจ็บจะขาดใจตาย ลูกๆ ก็ช่วยกันค้นหาก็ไปเจอ ถึงกับลงทุนซื้อที่นอนใหม่เอี่ยมยายแฉ่งก็นอนไม่ได้ เจ็บมากๆ ก็ด่าว่าลูกๆ ยังจะมาบังคับให้นอนบนหนามอีก
วันหนึ่ง ยายแฉ่งคงมีจิตสำนึกว่าได้ทำอะไรไว้บ้าง พูดกับลูกว่า “ไปนิมนต์ท่านสมภารวัดกลาง กับพระลูกวัดอีก 4 รวมเป็น 5 องค์ มาที่บ้านเราหน่อย ก่อนที่แม่จะตาย” ท่านสมภารพร้อมด้วยพระลูกวัด 5 รูป นั่งบนเสื่อกลางบ้าน
ยายแฉ่งนั่งพิงลูกๆมองดูพระอย่างสำนึกผิด ต่อจากนั้นยายแฉ่งได้กล่าวสารภาพผิดต่อหน้าสมภารและพระลูกวัด กล่าวคำถวายที่ดินที่แกยึดมาโดยมิชอบด้วยการโกงวัดนั้นกลับคืนให้พระสงฆ์ พระทุกองค์ยกมือประนมรับพร้อม กล่าวคำว่า “สาธุ” พร้อมกันแล้วจึงลายายแฉ่งกลับวัด
น่าอัศจรรย์เป็นที่สุด พอพระลงพ้นเรือน ยายแฉ่งเอนหลังลงนอนได้อย่างสบายไม่มีเจ็บปวดอีกแล้ว
วันต่อมาลูกๆ ช่วยกันตัดต้นไม้ไผ่ที่แม่ปลูกคั่นบอกเขตบ้านออกจนหมด และกลับเปลี่ยนนิสัยเดิมเป็นคนละคน ทำบุญทำทานที่วัดกลางอย่างสบายใจ วันพระถวายทาน สมาทานอุโบสถ
ที่มา: https://www.facebook.com/LawsOfKarma/posts/274119709465654
อนุโมทนา สาธุค่ะ
ตอบลบ
ตอบลบกฏแห่งกรรม ไม่เคยลืมผู้กระทำ
สาธุๆๆ
ตอบลบกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ไช้คะคนเราก็มีเหตุผล ไปต่างๆกันไป ไห้ให้อภัย ให้อภัยกันดีที่สุดค่ะโกรธไปก็แค่นั้น
ตอบลบกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะที่ขยายความให้ความรู้
ตอบลบทุกการกระทำของมนุษย์ มีผลต่อกฎแห่งกรรมเอย.
ตอบลบทุกสิ่งที่ตนเองทำแม้ไม่มีใครรู้แต่ตัวเรารู้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ตอบลบ