นักวิจัยด้านพุทธศาสนาที่ฮ่องกงค้นพบความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างจิตใจและหัวใจ

ทีมนักวิจัยที่ศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาของฮ่องกงได้ตีพิมพ์การค้นพบที่ชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ระหว่างหัวใจและจิตใจ โดยพุทธศาสนายืนยันความเกี่ยวเนื่องนี้มานาน ซึ่งนักวิจัยด้านพุทธศาสนากำลังพยายามชี้แจงความเกี่ยวเนื่องดังกล่าวให้ได้


  “ คำสอนทางพระพุทธศาสนาจำนวนมากกล่าวถึงความเกี่ยวเนื่องระหว่าง จิตใจ ร่างกาย สมองและหัวใจ” พระอาจารย์ซิก ฮิน ฮัง พระภิกษุในพระพุทธศาสนาและผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าว “จิตใจและสมองนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่เราอยากรู้ว่า มีวิธีการใดที่จะค้นหาความเกี่ยวเนื่องระหว่างจิตใจและหัวใจ
ในการตอบคำถามนี้ นักวิจัยได้มอนิเตอร์กิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสมองและหัวใจของผู้เข้าร่วมการทดลอง จากนั้นนักวิจัยให้คนกลุ่มนี้ฝึกการเจริญสติ งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ใน Neuroscience Letters ซึ่งนักวิจัยรายงานว่า การเจริญสติช่วยลดกิจกรรมที่วุ่นวายในสมองและหัวใจ 

Venerable Sik Hin Hung 

ผู้เขียนงานวิจัยระบุว่า “ กิจกรรมในสมองและหัวใจมีความสอดคล้องกันมากขึ้นระหว่างการฝึกMBSR training   การเจริญสติอาจจะเพิ่มความบันเทิงในการทำงานระหว่างจิตใจและร่างกาย เราอยากรู้ว่า มีทางใดที่จะค้นหาความเกี่ยวเนื่องระหว่างจิตใจและหัวใจ ”
จากการค้นพบนี้ นักวิจัยเชื่อว่าวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างหัวใจและจิตใจได้อย่างชัดเจน นักวิจัยมีความหวังด้วยว่าจะใช้เครื่องมือเดียวกันนี้วัดประสบการณ์อื่นๆของชาวพุทธด้วย เช่น การสวดมนต์ การทำสมาธิแบบเข้าฌาน และบางทีอาจถึงขั้นวัดการบรรลุธรรม


" มีวิธีการใดที่จะเข้าใจเรื่องการบรรลุธรรมได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์?" พระอาจารย์ฮัง ตั้งคำถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ  มีการนิยามเรื่องการตรัสรู้อย่างหลวมๆ และมีระดับขั้น แต่กระนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็อาจวัดสิ่งนี้ออกมาได้
 " จากความเข้าใจเรื่องกฎสูงสุดของเอกภพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถขจัดกิเลสของตนคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ ดังนั้นวิธีการหนึ่งที่จะวัดได้คือ ดูว่าบุคคลที่บอกว่าบรรลุธรรมนั้นมีกิเลสอะไรหรือไม่ ยังมีความโลภ ความโกรธและความหลงอยู่หรือเปล่า คนนั้นยังแสดงความเครียดให้เห็นเมื่อเจอเรื่องแย่ๆไหม ถ้าให้เขาดูภาพเซ็กซี่ เขายังคงมีความต้องการไหม"

ส่วนงานวิจัยที่ไม่ได้ตีพิมพ์ที่ตอบคำถามนี้ พระอาจารย์ฮังและทีมงานได้ศึกษาสมองของชาวพุทธที่นั่งสมาธิมานาน จนผ่านฌานแปดขั้น ซึ่งเป็นสมาธิขั้นสูงสุดในพุทธศาสนา

 “ ปกติแล้วสมองของเรานั้นไร้ระเบียบ เมื่อผ่านการเข้าฌาน ดูเหมือนว่าคลื่นสมองทั้งคลื่นอัลฟาและคลื่นแกมมา มีภาวะซิงโครไนซ์กันมากขึ้นคือระดับความถี่ของสมองด้านซ้ายและสมองด้านขวาขึ้นลงเหมือนกัน แต่เรายังไม่รู้ความหมายของมัน เรามีแค่คนเดียวที่ทำได้แบบนั้น คนๆเดียวเป็นข้อมูลงานวิจัยที่ไม่พอ”


นักวิจัยเหล่านี้ใช้เครื่องมือที่พวกเขาได้พัฒนาในการศึกษาเรื่องสติ เพื่อการค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ถึงผลการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาอื่นๆ   ในการศึกษาอื่นนั้น มีนักวิจัยทางพระพุทธศาสนา21คน ได้ศึกษาสมองของผู้เข้าร่วมที่สวดมนต์ คำว่า ”อมิตภพุทธะ” ซึ่งเป็นชื่อของพระพุทธเจ้า หรือภาวนาอีกอย่างว่า “ซานตาคลอส” มีการค้นพบว่า สวดมนต์คำว่า” อมิตภพุทธะ” ช่วยปรับการตอบสนองของสมอง ในขณะที่ภาวนาคำว่า“ซานตาคลอส” ไม่เกิดการปรับ

 “ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถขจัดกิเลส โลภ โกรธ หลง ดังนั้นวิธีการที่จะวัดว่าคนนั้นบรรลุธรรมหรือยัง ก็วัดได้จากว่าเขามีกิเลสอะไรหรือไม่”
 “ คนจำนวนมากใช้วิธีการเจริญสติ  แต่ผู้คนไม่ได้ฉุกคิดถึงประโยชน์ของการสวดมนต์ การสวดมนต์ มีประสิทธิภาพในการจัดการกับความเจ็บปวดทางจิตใจ”

พระอาจารย์ฮังกล่าวว่า พุทธศาสนาเป็นแก่นของงานที่ศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาทั้งหมด “ อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา พุทธศาสนามีส่วนเสมอกับสิ่งสำคัญในขณะเวลานั้น เมื่อผู้คนเริ่มสนใจในตรรกะ ก็มีตรรกะแบบพุทธ เมื่อผู้คนสนใจในเรื่องมันตรา ก็มีมันตราแบบพุทธ ตอนนี้ผู้คนสนใจในวิทยาศาสตร์ เราอยากหาวิธีการสื่อสารกับคนที่ใช้วิธีการและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใหม่ล่าสุด”

พระอาจารย์ฮังและทีมงานไม่ได้โดดเดี่ยวในการค้นหาครั้งนี้ นักวิจัยคนอื่นๆอีกจำนวนมากได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติแบบพุทธและความเที่ยงตรงของทฤษฎีทางพุทธศาสนา นอกจากนี้ในงานวิจัยจำนวนมากในเรื่องประโยชน์ของการเจริญสติ นั กวิจัยได้ค้นพบว่าการได้สัมผัสกับแนวคิดแบบพุทธทำให้ผู้คนมีความอดทนและมีความเมตตามากขึ้น  เพราะตามคอนเซปต์ในพระพุทธศาสนา เรื่องอัตตานั้น ไม่มีตัวตนที่แน่นอน และจิตใจก็อาจเป็นเนื้อแท้ที่แท้จริงก็เป็นได้



ที่มา: 
https://www.lionsroar.com/buddhist-researcher-heart-mind/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัมพชาดก: มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์

คนที่ชอบด่าว่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

ใจสบายไปทั่วโลก กับบทแผ่เมตตาภาษาอังกฤษ