จรณทักษะ มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน แต่ทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
จรณทักษะ อาจเป็นคำที่หลายคนไม่คุ้นเคย
แต่ถ้ากล่าวถึง คำว่า Soft Skill หลายคนก็อาจจะร้องอ๋อ ทันที
คำว่า ทักษะ (skill) นั้น
คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า
ประกอบด้วย สมรรถนทักษะ (hard skill) และจรณทักษะ [จะระนะ-] (soft
skill)
บุคคลที่มีสมรรถนทักษะจะเป็นผู้ปฏิบัติงานได้เก่ง
บุคคลที่มีจรณทักษะจะเป็นผู้ปฏิบัติงานได้ดี
จรณทักษะ หมายถึง
ทักษะที่เป็นลักษณะเฉพาะหรือคุณสมบัติเฉพาะของบุคคลในเรื่องความฉลาด
ความสามารถทางอารมณ์ หรือความมีคุณธรรม มีลักษณะเป็นนามธรรม เช่น บุคลิกภาพ
อุปนิสัย ความสุภาพ ความนุ่มนวลในการเข้าสังคม
การใช้ภาษาติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ความเป็นมิตร การมองโลกในแง่ดี มีวุฒิภาวะ
มีความคิดริเริ่ม สามารถควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก
ความเข้าใจความเป็นจริงของสภาพการณ์ต่าง ๆ
จรณทักษะเป็นคุณลักษณะที่จะช่วยให้บุคคล
สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น และสามารถทำงาน
ประกอบอาชีพให้ก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี
จรณทักษะเป็นพฤติกรรมที่สร้างให้เกิดในบุคคลได้ตั้งแต่วัยเยาว์จากวัฒนธรรม
การอบรมเลี้ยงดู และการเรียนรู้
ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการบ่มเพาะทักษะทางสังคมนานกว่าการเรียนรู้ทางวิชาการ
การฝึกฝนงาน หรือการทำงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามปรกติ จรณทักษะวัดและประเมินผลยาก
มักต้องใช้วิธีการสังเกต บันทึก และวิเคราะห์พฤติกรรมต่อเนื่อง จึงพอจะสรุปได้
ในภาษาอังกฤษ ทักษะในการทำงานถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบหลักๆ คือ Hard
Skill (ทักษะแข็ง) และ Soft Skill (ทักษะนิ่ม)
ทักษะแข็งคือทักษะที่จำเป็นในการทำงานในแต่ละสายอาชีพ เช่น ถ้าคุณเป็นทนาย
คุณต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆและสามารถร่างสัญญาได้ ถ้าคุณเป็นวิศวกร
คุณต้องรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการคำนวณ ว่ากันง่ายๆคือ
ทักษะส่วนใหญ่ที่คุณเรียนมาในมหาวิทยาลัยคือ ทักษะแข็ง
ส่วนทักษะนิ่มนั้น
มีขอบเขตที่กว้างกว่า โดยเป็นทักษะที่สามารถใช้ได้กับทุกสายอาชีพ
ประกอบด้วยทักษะการสื่อสารและพัฒนาแนวคิดเป็นหลัก
ทุกวันนี้การมีปริญญาถือเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะการไขว่คว้าหาข้อมูลสามารถทำได้อย่างสะดวกโดยเพียงไม่กี่แค่คลิกบนหน้าคอมพิวเตอร์ของคุณ
เพราะฉะนั้น Hard Skill จึงไม่ใช่อะไรที่หายากในตลาดแรงงานอีกแล้ว
ในทางกลับกัน Soft Skill กลับเป็นทักษะที่ขาดตลาดมากในทุกวันนี้
และเป็นที่ต้องการของทุกๆบริษัทไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
Soft Skill เป็นศัพท์ที่ในวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
หมายถึง ทักษะหรือความชำนาญที่เกี่ยวข้องกับคน
ทักษะนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับความชำนาญในงานด้านใด ด้านหนึ่ง โดยตรง
แต่เป็นตัวพลักดันให้การทำงานประสบความสำเร็จและก้าวหน้า
Soft Skill เป็นลักษณะส่วนบุคคลที่สัมพันธ์กับความฉลาดทางอารมณ์
(Emotional Intelligence Quotient) เช่นทักษะการสื่อสาร การแก้ปัญหาความขัดแย้ง
การจูงใจ การจัดการอารมณ์ของตัวเอง การเจรจาต่อรอง การคิดเชิงกลยุทธ์
การสร้างทีมงาน ซึ่งแตกต่างจาก Hard Skills ที่สัมพันธ์กับความฉลาดทางสติปัญญา
(Intelligence Quotient)
ตลอดช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาของไทยเร่งผลิตบัณฑิต
โดยเน้นวิชาการหรือ Hard Skills มากจนไม่มีการสอนในเรื่องของ Soft
Skill กันอย่างจริงจัง
การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรของบริษัทหลายแห่งจึงใช้วิธีดูว่าบัณฑิตจบใหม่มีทักษะด้าน
Soft Skill หรือไม่ จากกิจกรรมในระหว่างการเรียน
โดยเชื่อกันว่า คนที่เคยทำกิจกรรมระหว่างการเรียน มักจะมีทักษะด้านคนเก่ง หรือ Soft
Skill มากกว่าคนที่เรียนเก่งได้คะแนนสูง
แต่ไม่เคยร่วมกิจกรรมหรือทำงานร่วมกับคนอื่นเลย
ทั่วโลกต่างยอมรับกันว่า คนที่มีไอคิวสูงอย่างเดียว
ไม่อาจประสบความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินธุรกิจ หากขาดการพัฒนา Soft
Skill อย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นคนเก่งยุคใหม่ต้องมีทักษะทั้ง 2 ด้าน คือเก่งทั้งงานและคน จึงได้ชื่อว่าเป็นคนทำงาน
ซึ่งเป็นสุดยอดปราถนาของทุกองค์กร
นักวิชาการบางท่านเรียกทักษะด้านนี้ว่า People Management Competency
ซึ่งคนที่มีทักษะด้านนี้
ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารหรือหัวหน้างานเสมอไป
พนักงานระดับต่างๆก็ควรจะต้องมี
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็จะทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
หากองค์กรใดมีพนักงานที่มีทักษะด้าน Soft Skill มากๆ
จะเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วแม้จะมีจำนวนพนักงานที่น้อยก็ตาม
แต่ผลงานที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพสูงและทำให้ลดปัญหาในการทำงาน(เรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน)
มีอัตราการลาออกที่ลดลง ทำให้องค์กรไม่ต้องสูญเสียเวลา สูญเสียเงิน
ในการพัฒนาบุคลากรใหม่อยู่เรื่อยๆ
ที่มา:
https://www.facebook.com/notes/1577-spirit-people/soft-skill-ทักษะสำคัญของ-คนเก่ง-ยุคใหม่-ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน/143229759166699/
http://www.royin.go.th/?knowledges=จรณทักษะ-๒๐-มีนาคม-๒๕๕๗
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น