อย่าให้"มล"บังเกิดกับ"มนต์"


คำว่า “มล” ในพระพุทธศาสนาแปลว่ามลทินหรือสนิม 

ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับสิ่งต่างๆเช่นการท่องบ่นสาธยายเป็นต้น กลายเป็นความเศร้าหมองของสิ่งต่างๆ พระพุทธศาสนาแสดงไว้ในมลสูตร อังคุตรนิกาย อัฏฐกนิบาต (23/105/149)

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงสรุปมลทินทั้งหลายไว้ว่า “มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน เรือนมีความไม่หมั่นเป็นมลทิน ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ ความประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา ความประพฤติชั่วเป็นมลทินของหญิง ความตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้ ธรรมอันลามกเป็นมลทินแท้ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เราจะบอกมลทินที่ยิ่งกว่านั้นคืออวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง”



สิ่งต่างๆอาจกลายเป็นสนิมที่คอยกัดกินตัวมันเองได้ สิ่งทุกอย่างต้องหมั่นในการดูแลรักษา มนต์ต้องท่องบ่นเป็นประจำ บ้านเรือนต้องทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถู ร่างกายก็ต้องคอยดูแลรักษา แม้แต่จิตใจก็ต้องคอยรักษาไม่ให้ความชั่วทั้งหลายเข้ามาแทรกแซงได้ ใจที่ถูกมลทินหรือสนิมกัดกร่อนก็ยากที่จะเข้าใจธรรมที่จริงแท้ได้


มนต์ คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

การสวดมนต์หมายถึงการบริกรรมคำสอน หรือเป็นการท่องบ่นคำสอนนั้นบ่อย ๆ เพื่อให้เราได้ข้อคิด เป็นการสะกิดให้เราฉุกคิดได้ หรือทำให้เราหยุดความคิด คำพูด การกระทำที่ไม่ดีได้

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บังเกิดขึ้นโดยยาก 
เราจะรักษาไว้ด้วยการหมั่นสวดมนต์ ศึกษาทำความเข้าใจนำมาปฏิบัติ 
จนแกร่งใสไร้มลทินเป็น เพชรน้ำหนึ่ง 


หรือทอดทิ้งมนต์เหล่านั้น ไม่ใส่ใจท่องบ่น 
จนมีมลทินเป็น สนิม และสลายหายไปในที่สุด?



ที่มา: 
https://www.facebook.com/realbuddha/posts/475469459316464:0




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัมพชาดก: มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์

คนที่ชอบด่าว่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

ใจสบายไปทั่วโลก กับบทแผ่เมตตาภาษาอังกฤษ