Sound Meditation ...การสวดมนต์ : เทคนิคการจัดพฤติกรรมสมองและจิตใต้สำนึกแบบNLPสุดเจ๋ง!!!
การสวดมนต์ หรือ Sound Meditation เป็นพื้นฐานพลังงานแห่งเสียงที่คลาสสิกที่สุดซึ่งใช้พลังจากช่องท้อง แม้ไม่รู้ความหมายแต่สมองจะหลั่งสารเคมีออกมาและใจจะสงบ ผ่อนคลาย เพราะสมองไม่มีการตีความ สมองเงียบ ได้พักผ่อน ลดความเครียด
“ที่มหาวิทยาลัยครีฟแลนด์ได้ทำการวิจัยแล้ว
พบว่าจังหวะของการสวดมนตราได้สร้างสารเคมีขึ้นในสมอง
แม้ว่าเราจะไม่ทราบความหมายของมนตราก็ตาม”
การสวดมนตราในแง่ของการบำบัด
ไม่ใช่ในแง่ของความเชื่อหรือไสยศาสตร์ ได้ผ่านการพิสูจน์
ผ่านงานวิจัยและหลักทางวิทยาศาสตร์มามากมายนับไม่ถ้วน หากเรามองตามนี้จะทำ
ให้เรารู้ว่าการสวดมนตราทำงานได้อย่างไร ซึ่งจากผลการทดลองทำให้เราทราบว่าการสวดสร้างคลื่นพลังงานและการสั่นสะเทือนในร่างกาย
เมื่อเราเปล่งมนตราเราต้องใช้พลังจากช่องท้อง
(ตามตัวโน้ตของมนตรา) จึงกระตุ้นการทำงานของปอด ช่องท้อง การไหลเวียนโลหิต
และลดอัตราการเต้นหัวใจทั้งยังช่วยเพิ่มการผลิตคลื่นอัลฟ่า
ซึ่งเป็นคลื่นสมองแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นพื้นฐานของพลังงานแห่งเสียงที่คลาสสิกที่สุดจึงมาจากการสวดมนตรา
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
เมื่อมนตรามีการสวดพร้อมไปกับจังหวะดนตรีจะส่งผลกระตุ้น NLP ที่ย่อมาจาก
Neuro-Linguistic
Programming คือเทคนิคการจัดพฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึก
แต่ในกรณีของการสวดมนตราจะเกิดขึ้นแม้ว่าเราจะไม่รู้ความหมายของสิ่งที่เราสวดก็ตาม
ซึ่งในความพิเศษของการที่ไม่รู้ความหมายนอกจากสมองจะหลั่งสารเคมีออกมาแล้ว
ยังทำให้จิตใจเราสงบ ผ่อนคลาย เพราะสมองไม่มีการตีความ สมองจึงเงียบ
ได้พักผ่อนช่วยลดความเครียด
ในปี 2014 ที่มหาวิทยาลัยการเกษตรของประเทศจีน
ได้มีการทดลองให้ชาวนาสวดมนต์แนวสไตล์ทิเบต
ให้พืชที่ปลูกครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดประมาณ26.7 เฮกตาร์
ผลปรากฏว่าพืชที่ปลูกได้ผลผลิตขนาดที่ใหญ่ขึ้นและสุขภาพแข็งแรงนอกจากนี้ยังทำให้แมลงและสัตว์รบกวนลดลงอีกด้วย
ในขณะที่อีกแปลงหนึ่งใกล้ๆกันไม่ได้สวดมนต์ให้พืช
ส่งผลให้มีสัตว์แมลงรบกวน ผลผลิตจึงลดลง นั่นเป็นเพราะคลื่นเสียงและพลังแห่งมนตราส่งผลต่อสุขภาพของพืช
แม้ว่าพืชจะไม่มีหูแต่สามารถรับพลังแห่งการสั่นสะเทือนได้ รวมทั้งสัตว์ก็เช่นกัน
ที่มา: https://www.posttoday.com/life/life/522302
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น